
คนที่กำลังหางานสายไอทีอาจต้องปรับตัว ในปัจจุบัน Resume อย่างเดียวอาจไม่พออีกต่อไป ต้องโชว์ทั้งผลงานจริงและตัวตนในโลกออนไลน์ บทความนี้ขอแนะนำ ให้โชว์มากกว่าแค่ Resume เพื่อพิสูจน์ศักยภาพที่แท้จริง กับ Tech Talent ยุคใหม่ ต้องโชว์มากกว่าแค่ Resume
พวกเราต่างคุ้นชินกันว่า วิธีที่เหมาะสมที่สุดในการสมัครงานคือ การส่งเรซูเม่ พร้อม Cover Letter ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับตำแหน่งงานไอทีและบริษัทนั้น ๆ ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความสนใจอย่างจริงจังในงานนั้น สิ่งนี้อาจไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมที่สุดอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าบางบริษัทยังคงขอเรซูเม่และ Cover Letter อยู่ แต่บางครั้งเรซูเม่แบบดั้งเดิมมักถูกมองว่าล้าสมัย เพราะไม่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือแสดงศักยภาพของผู้สมัครได้อย่างชัดเจนสำหรับ Recruiter และ Hiring Manager
มีเหตุผลที่นายจ้างหลายรายเริ่มเลิกใช้เรซูเม่ เพราะปัจจุบันพวกเขามองหาวิธีใหม่ ๆ ที่ทันสมัยกว่าในการประเมินผู้สมัครงาน เช่น Portfolio, การทดสอบทักษะ หรือ Profile บนโลกออนไลน์ ซึ่งสามารถแสดงให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนมากขึ้น เกี่ยวกับความสามารถของแต่ละบุคคล
เรซูเม่ไม่สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็น ได้อย่างเพียงพอ
เรซูเม่เคยเป็นวิธีที่รวดเร็วและสะดวกสำหรับนายจ้าง ในการมองหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม โดยเฉพาะในยุคที่ Recruiter หรือ Hiring Manager ต้องอ่านใบสมัครทุกฉบับด้วยตนเอง การมีเรซูเม่เพียงหนึ่งหน้าที่สรุปวุฒิการศึกษาและตำแหน่งงานที่ผ่านมาอย่างชัดเจนนั้น ช่วยให้ง่ายต่อการคัดกรอง แต่ในปัจจุบัน รูปแบบเรซูเม่แบบหน้าเดียวไม่สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกหรือแสดงศักยภาพที่แท้จริงของผู้สมัครได้เพียงพออีกต่อไป
เนื่องจากนายจ้างได้รับใบสมัครจำนวนมาก สำหรับตำแหน่งงานต่าง ๆ พวกเขาจึงมักใช้ซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า ระบบติดตามผู้สมัครงาน (Applicant Tracking Systems หรือ ATS) เพื่อคัดกรองใบสมัครโดยอัตโนมัติ ระบบเหล่านี้จะปฏิเสธใบสมัครที่ไม่มีคำสำคัญหรือรูปแบบที่ถูกต้องตามที่ Recruiter หรือ Hiring Manager กำหนดไว้ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะในตำแหน่งงานด้านไอที ที่ทักษะทางเทคนิค ใบรับรอง และความชำนาญใน Software ต่าง ๆ ต้องระบุอย่างชัดเจนเพื่อให้ผ่านการกรองของระบบติดตามผู้สมัคร (ATS)
ซึ่ง Recruiter และ HR Department จะเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากผู้สมัครงาน เนื่องจากเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI) นายจ้างจะเน้นคำสำคัญเฉพาะที่ต้องการในใบสมัครมากขึ้น ในขณะที่ผู้สมัครจะใช้เครื่องมืออย่าง ChatGPT เพื่อใส่คำสำคัญเหล่านั้น สร้างเป็นการ “แข่งขัน” สวนกลับกัน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อทั้งสองฝ่าย
สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ความเปลี่ยนแปลงนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปรับแต่งเรซูเม่ โดยใช้คำศัพท์เฉพาะให้ตรงกับภาษาการเขียนโปรแกรม, Framework, Cloud Platform หรือแนวทางการทำงาน (เช่น Agile, DevOps) ที่ระบุไว้ใน Job Description แต่ถึงอย่างนั้น เรซูเม่เพียงอย่างเดียวก็มักไม่สามารถถ่ายทอดความลึกซึ้งของทักษะการแก้ปัญหา หรือรายละเอียดของประสบการณ์ใน Project ของผู้สมัครได้อย่างครบถ้วน
โชคดีที่นายจ้างและผู้หางานกำลังค้นหาวิธีใหม่ ๆ ที่อาจมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการเชื่อมต่อและหาคนที่เหมาะสม นอกเหนือจากเรซูเม่และ Cover Letter แบบเดิม ๆ
การเติบโตของวิดีโอ
ปัจจุบัน “วิดีโอ” ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถดึงดูดความสนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือเหตุผลที่ผู้คนใช้เวลามากบนแพลตฟอร์มอย่าง YouTube และ TikTok ผู้สมัครงานจึงเริ่มใช้ประโยชน์จากพลังนี้ โดยการสร้างและส่ง “เรซูเม่ในรูปแบบวิดีโอ” ให้กับนายจ้าง เป็นวิธีใหม่ในการแสดงทักษะและบุคลิกภาพของตนเอง
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “เรซูเม่ในรูปแบบวิดีโอ” กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเหมาะกับผู้หางานทุกคนหรือทุกตำแหน่งงาน ดังนั้น บางตำแหน่งหรือลักษณะผู้สมัคร ยังคงเหมาะกับวิธีการสมัครแบบดั้งเดิมมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม เรซูเม่ในรูปแบบวิดีโอก็สามารถแสดงจุดแข็งของผู้สมัคร ที่เรซูเม่แบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถสื่อสารได้ มันช่วยให้ผู้สมัครได้แสดงบุคลิกภาพและทักษะการสื่อสาร ช่วยให้นายจ้างเห็นภาพว่าผู้สมัครจะเข้ากับวัฒนธรรมองค์กรได้ดีแค่ไหน
สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ซึ่งมักจะต้องทำงานร่วมกันเป็นทีมและต้องอาศัยการสื่อสารที่ชัดเจน รวมถึงการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เรซูเม่ในรูปแบบวิดีโออาจเป็นวิธีหนึ่งในการแสดงให้เห็นไม่เพียงแค่ทักษะทางเทคนิค แต่ยังรวมถึงทักษะ Soft Skill เช่น การทำงานเป็นทีม ภาวะผู้นำ และความสามารถในการปรับตัวได้อีกด้วย
การใช้วิดีโอช่วยให้นายจ้างเร่งกระบวนการสรรหาพนักงานได้เร็วขึ้น แทนที่จะเชิญผู้สมัครเพียงไม่กี่คนมาสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลานาน Recruiter และ Hiring Manager มักจะส่งคำถามสัมภาษณ์ในรูปแบบ “สัมภาษณ์แบบไม่พร้อมกัน” ให้ผู้สมัครตอบในเวลาที่สะดวก ช่วยให้กระบวนการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นายจ้างสามารถส่งชุดคำถามสัมภาษณ์เดียวกันให้กับผู้สมัครหลายคน และให้แต่ละคนบันทึกวิดีโอตอบคำถามในเวลาที่สะดวก วิธีนี้ช่วยให้กระบวนการสัมภาษณ์มีความยืดหยุ่นและสามารถขยายขอบเขตได้มากขึ้น
การสัมภาษณ์แบบไม่พร้อมกัน มีประโยชน์กับทั้งนายจ้างและผู้สมัครงาน ซึ่งนายจ้างสามารถประหยัดค่าเดินทางและเข้าถึงผู้สมัครได้มากขึ้น ส่วนผู้สมัครมีเวลามากขึ้นในการเตรียมคำตอบอย่างรอบคอบ และแสดงทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคลได้ดีขึ้น
พลังของการปรากฏตัวบนโลกออนไลน์
นายจ้างกำลังเปลี่ยนแนวทางจากการใช้เรซูเม่แบบดั้งเดิม เพราะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ผู้สมัครสามารถทำได้จริง มากกว่าชื่อตำแหน่งงานที่ผ่านมา ดังนั้นผู้สมัครงานควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาโปรไฟล์บนออนไลน์ของตนเอง เช่น LinkedIn Profile, เว็บไซต์ของคุณ หรือ Portfolio เพื่อแสดงทักษะที่แท้จริงผ่านผลงาน แทนที่จะระบุเพียงรายการทักษะไว้เท่านั้น
ตามที่ J.T. O’Donnell (Founder and CEO of Work It DAILY) กล่าวไว้ว่า ปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ และนายจ้างมักจะค้นหาข้อมูลของผู้สมัครทางออนไลน์หลังจากดูเรซูเม่ ก่อนที่จะเรียกสัมภาษณ์ พวกเขาทำเช่นนี้ เพื่อมองหาหลักฐานว่าผู้สมัครมีความสามารถ ความน่าเชื่อถือ และสามารถช่วยแก้ไขปัญหาทางธุรกิจขององค์กรได้หรือไม่
O’Donnell อธิบายว่า การมีตัวตนบนโลกออนไลน์ที่แข็งแกร่ง สามารถสร้างความประทับใจให้กับนายจ้าง และอาจจะได้รับเข้าทำงาน โดยองค์ประกอบสำคัญได้แก่ LinkedIn Profile ที่ได้รับการเขียนไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในส่วน “About” โพสต์ที่แสดงความสำเร็จล่าสุด และการมีเครือข่ายวิชาชีพที่กว้างขวาง นอกจากนี้ นายจ้างยังให้ความสนใจกับ “Thought Leadership Content” ซึ่งหมายถึงเนื้อหาที่ผู้สมัครสร้างขึ้น เพื่อแบ่งปันแนวคิดหรือทรัพยากรที่เป็นประโยชน์แก่เพื่อนร่วมสายงาน
สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านไอที การมีตัวตนบนโลกออนไลน์มักขยายออกไปมากกว่าแค่ LinkedIn โดยรวมถึงการมีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอบนแพลตฟอร์มอย่าง GitHub, Stack Overflow หรือบทความเทคโนโลยีส่วนตัว ที่ใช้ในการร่วมพัฒนา Open-source Project, การแบ่งปัน Code หรือการเผยแพร่ Tutorial ต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นการแสดงให้เห็นถึงทักษะทางเทคนิค และความหลงใหลในการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง
ผู้สมัครงานสามารถสร้างความประทับใจให้กับ Recruiter และ Hiring Manager ได้ด้วยการแบ่งปันผลงานออนไลน์ในรูปแบบอื่น ๆ ที่ตนเองสร้างขึ้น เช่น เว็บไซต์ส่วนตัว, Code Repository (เช่น GitHub) หรือผลงานดิจิทัลต่าง ๆ ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นถึงทักษะของตนเองได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
ตัวตนในออนไลน์ของผู้สมัคร ยังรวมถึงกิจกรรมบนโซเชียลมีเดียด้วย บริษัทหลายแห่งในปัจจุบันมักตรวจสอบโปรไฟล์บนโซเชียลมีเดียของผู้สมัคร เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสรรหา พวกเขาไม่ได้ดูเพียงแค่ทักษะทางวิชาชีพเท่านั้น แต่ยังพยายามเข้าใจค่านิยม บุคลิกภาพ และพฤติกรรมของบุคคล เพื่อดูว่าตรงกับวัฒนธรรมองค์กรหรือไม่
นี่คือโลกใหม่ที่ท้าทาย ของการสรรหาและการถูกจ้างงาน
เรซูเม่เคยเป็นวิธีที่เชื่อถือได้และได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยให้นายจ้างและผู้สมัครงานสามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็วและเป็นระบบในกระบวนการสรรหา แต่ปัจจุบัน ผู้สมัครงานสามารถแสดงมุมมองที่เป็นส่วนตัวและรายละเอียดเกี่ยวกับทักษะมากขึ้น ตลอดจนถึงบุคลิกภาพ ด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและออนไลน์ของตนเองต่อ Recruiter และ Hiring Manager เช่นเดียวกับนายจ้างที่สามารถรับรู้ข้อมูลเชิงลึก เกี่ยวกับผู้สมัครได้มากกว่าที่เคย ได้จากเรซูเม่แบบข้อความสั้น ๆ เพียงอย่างเดียว
สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านไอที โลกการทำงานรูปแบบใหม่นี้ คือการนำเสนอไม่ใช่แค่ผลงานที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีคิด วิธีการแก้ปัญหา และความสามารถในการทำงานร่วมกันจากระยะไกลหรือภายในทีม ซึ่งล้วนเป็นคุณสมบัติสำคัญในสภาพแวดล้อมด้านเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงต้องการวิธีการใหม่ ๆ แม้ว่าเรซูเม่อาจกลายเป็นสิ่งล้าสมัย แต่ทั้งนายจ้างและผู้สมัครงานก็สามารถมีกำลังใจได้ เพราะตอนนี้มีวิธีใหม่ ๆ มากมายที่สร้างสรรค์และน่าตื่นเต้นมากมาย ในการเชื่อมต่อและค้นหาคนที่ชอบหรือบริษัทที่ใช่
ให้ ISM Technology Recruitment ช่วยเป็นตัวกลางเชื่อมคุณกับบริษัทและตำแหน่งไอทีที่ใช่ คลิกเพื่ออัพโหลดเรซูเม่ได้เลย
และทั้งหมดนี้ก็คือ Tech Talent ยุคใหม่ ต้องโชว์มากกว่าแค่ Resume
เมื่อ หางาน IT ให้ ISM Technology Recruitment เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เพื่อให้คุณได้ “ชีวิตการทำงานในแบบที่คุณต้องการ” เพียงส่ง Resume มาที่นี่
ISM เชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ ได้เปิดทำการมาแล้วกว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย
Source: https://medium.com/