See the original English version of this article here

การก้าวจาก Java Developer สู่ Tech Lead ไม่ใช่เพียงแค่การเขียน Code ให้เก่งขึ้นเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาทักษะการสื่อสาร การบริหารทีม และการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยบอกคุณในที่ทำงาน กับ เคล็ดลับสู่ Tech Lead ที่ Java Developer ต้องรู้ เล่าประสบการณ์ โดย Ramesh Fadatare, Software Engineer
วันนี้คุณ Ramesh จะมาพูดถึงหัวข้อที่หลายคนไม่ค่อยอธิบายกันอย่างชัดเจน บทความนี้จึงขอนำเสนอขั้นตอนจริงที่สามารถนำไปใช้ได้ ที่จะช่วยให้คุณก้าวจากตำแหน่ง Java Developer ไปสู่บทบาทผู้นำทีมในตำแหน่ง Tech Lead ได้อย่างไรบ้าง? มาดูกันเลย
ก่อนจะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหาร คุณ Ramesh เคยทำงานเป็น Tech Lead ที่บริษัทชื่อดังมาเป็นเวลา 3 ปี เขาจึงจะแชร์ขั้นตอนจริงที่ได้ทำ และนิสัยที่ได้พัฒนา ซึ่งช่วยให้สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ แน่นอนว่าทุกคนต่างพูดว่า “ให้หาประสบการณ์เพิ่ม” หรือ “เขียน Code ให้เก่งขึ้น” แต่แทบไม่มีใครอธิบายถึงการกระทำเล็ก ๆ ในแต่ละวันที่ช่วยให้คุณเติบโตไปสู่บทบาท Tech Lead ได้จริง ๆ งั้นเรามาเปลี่ยนสิ่งนั้นกัน
1. เชี่ยวชาญมากกว่าแค่การเขียน Code
ตอนที่คุณยังเป็น Java Developer ระดับ Junior หรือ Mid-level หน้าที่หลักของคุณคือการเขียน Code ให้ใช้งานได้ แต่เมื่อคุณเป็น Tech Lead ความรับผิดชอบจะมากขึ้น — คุณต้องสร้างระบบที่เชื่อถือได้ และช่วยให้คนในทีมเขียน Code ได้ดีขึ้นด้วย มันไม่ใช่แค่การทำงานของคุณคนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นการช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จไปพร้อมกัน
ในบทบาทของ Tech Lead คุณต้องมองให้กว้างกว่างานเฉพาะส่วนของตัวเอง และคิดถึงภาพรวมของระบบทั้งหมด — ทั้งด้านประสิทธิภาพ การขยายตัว ความเสถียร และวิธีที่ทีมร่วมกันพัฒนาระบบนี้ขึ้นมา
คุณต้องเชี่ยวชาญในสิ่งเหล่านี้:
- คุณภาพของ Code (เขียน Code ที่อ่านง่าย ดูแลรักษาได้ และสามารถทดสอบได้)
- การสร้าง Library แบบกำหนดเอง
- หลักการออกแบบ Software: (เข้าใจแนวคิดสำคัญอย่าง SOLID, DRY และKISS)
- แนวทางปฏิบัติในการออกแบบ API
- การออกแบบ Database
- พื้นฐานด้านความปลอดภัย
- Deployment Workflows (Docker, CI/CD)
ทักษะความเป็นผู้นำ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับ Tech Lead มีดังนี้
- ทักษะการสื่อสาร: คุณต้องสามารถอธิบายแนวคิดต่าง ๆ ได้ชัดเจน
- การเป็นนักแก้ปัญหา: คุณควรเป็นคนที่สามารถหาทางออกได้ เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรค
- การบริหารทีมขนาดใหญ่: คุณต้องสามารถจัดการทีม และมอบหมายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามความถนัดของแต่ละคน
- การใช้เครื่องมือจัดการ Project: คุณควรศึกษาวิธีใช้เครื่องมือต่าง ๆ เช่น JIRA เพื่อจัดการงาน ติดตามความคืบหน้า และดูแลภาระงานของทีม
เคล็ดลับ:
เริ่มตรวจสอบคำขอแบบ Pull Request อย่างจริงจัง แม้ว่าคุณจะไม่ได้รับการร้องขออย่างเป็นทางการก็ตาม และควรให้ความสำคัญ Codebase ทั้งหมดเสมือนเป็นความรับผิดชอบของคุณ
2. ให้ความสำคัญ System ด้วย ไม่ใช่แค่ Feature
Developer ส่วนใหญ่จะเน้นเฉพาะ Feature ที่ตนกำลังสร้างเท่านั้น แต่ Tech Lead จะให้ความสำคัญ System ด้วย:
- Service นี้ทำงานร่วมกับ Service อื่นอย่างไร?
- โครงสร้าง Database จะรองรับการขยายตัวได้ดีในระยะยาวไหม?
- จะเกิดอะไรขึ้นถ้า API นี้ถูกเรียกใช้ถึง 10,000 ครั้งภายในหนึ่งนาที?
เคล็ดลับ:
ทุกครั้งที่คุณพัฒนา Feature ใหม่ ให้ถามตัวเองว่า: “สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อระบบโดยรวม?” ยิ่งคุณปรับมุมมองจากการคิดแค่ Feature-level ไปสู่การคิดใน System-level ได้เร็วเท่าไหร่ คุณก็จะเติบโตเป็น Tech Lead ได้เร็วขึ้นเท่านั้น
3. เป็นเจ้าของทักษะการสื่อสารของคุณ
ไม่มีใครบอกคุณเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพ: Tech Lead ไม่ได้เป็นแค่ Developer ที่เก่ง แต่ยังเป็นผู้สื่อสารที่ยอดเยี่ยมด้วย
คุณต้องเรียนรู้ที่จะ:
- อธิบายการตัดสินใจทางเทคนิคให้กับ Developers, Manager และลูกค้าอย่างชัดเจน
- แยกแยะไอเดียที่ซับซ้อนให้ง่ายและเข้าใจได้
- เขียนเอกสารประกอบที่ชัดเจน, บันทึกการออกแบบ และอีเมลที่ชัดเจน
- จัดการประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่พูดมากเกินไปและไม่พูดน้อยเกินไป
เคล็ดลับ:
ฝึกอธิบายสิ่งที่คุณสร้างขึ้น ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย ราวกับว่าคุณกำลังอธิบายให้คนที่ไม่ใช่วงการไอทีฟัง ถ้าคุณอธิบายระบบของคุณไม่ชัดเจน แปลว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะเป็นผู้นำระบบนั้น
4. เป็นที่ปรึกษา ไม่ใช่เจ้านายที่ออกคำสั่ง
การเป็น Tech Lead ไม่ใช่แค่การได้ตำแหน่ง แต่เป็นการช่วยให้ทีมให้เติบโตไปด้วยกัน
Tech Lead ที่ดี:
- ตรวจสอบ Code ของ Developer รุ่นน้อง โดยไม่หยิ่งยโส
- แนะนำวิธีที่ดีกว่า โดยไม่ทำให้คนอื่นรู้สึกด้อยค่า
- แชร์ความรู้กันอย่างเปิดเผย ไม่กักเก็บไว้คนเดียว
- ช่วยเหลือผู้อื่นในการ Debug, การออกแบบ และพัฒนาทักษะของพวกเขา
เคล็ดลับ:
ครั้งหน้าถ้า Developer รุ่นน้องถามคำถาม อย่าเพียงแค่บอกคำตอบ ควรสอนให้พวกเขารู้จักคิดวิเคราะห์ปัญหา ดังนั้น การเป็นที่ปรึกษาคือ การสร้างความไว้วางใจ ซึ่งความไว้วางใจจะทำให้การเป็นผู้นำเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
5. เริ่มใส่ใจกับ เรื่องกำหนดวันส่งมอบงาน
ในฐานะ Developer งานของคุณส่วนใหญ่จะเน้นไปที่การทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เสร็จสิ้น ให้เริ่มใส่ใจเรื่องกำหนดเวลาและผลลัพธ์ที่ต้องส่งมอบ
แต่ในฐานะ Tech Lead คุณต้องเริ่มคิดแบบนี้:
- คุณกำลังเดินหน้าตามกำหนดเวลาของ Project หรือไม่?
- ความเร็วในการทำงานของทีมสามารถรักษาได้อย่างยั่งยืนหรือไม่?
- คุณจะหาจุดสมดุลระหว่างคุณภาพ Code กับความรวดเร็วในการส่งมอบอย่างไร?
- คุณแจ้งปัญหาและความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ หรือเปล่า?
- การเปลี่ยนวิธีคิดแบบนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ถ้าคุณอยากเติบโตสู่ตำแหน่งผู้นำ
เคล็ดลับ:
เริ่มต้นด้วยการติดตามการประมาณเวลาและกำหนดเวลาของตัวเอง และซื่อสัตย์กับสิ่งนั้น ถ้าคุณรู้ว่างานใดงานหนึ่งอาจล่าช้า ให้แจ้งล่วงหน้า อย่าเพียงแค่พูดว่า “งานล่าช้า” ให้ทำดังนี้:
- อธิบายเหตุผลที่งานล่าช้า
- เสนอเวลาส่งงานใหม่ที่เป็นไปได้จริง
- แนะนำทางเลือกหรือการแลกเปลี่ยนที่อาจช่วยได้
การจัดการเวลาที่มีความรับผิดชอบ ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในบทบาทผู้นำได้อย่างรวดเร็ว
6. เรียนรู้การคิดเชิงสถาปัตยกรรม (Architectural Thinking)
คุณไม่จำเป็นต้องกลายเป็นสถาปนิกระบบองค์กรแบบเต็มตัวในทันที แต่คุณควรเริ่มเรียนรู้:
- เมื่อไหร่ควรเลือกใช้ระบบแบบ Monolith กับ Microservices
- พื้นฐานการขยายระบบ: การกระจายโหลด, การเก็บข้อมูลชั่วคราว (Caching) และ Queue
- Authentication Flows (OAuth, JWT)
- การขยาย Database: การทำสำเนา (Replication), การแบ่งส่วนข้อมูล (Sharding)
- ความพร้อมในการใช้งานสูง, ความทนทานต่อความผิดพลาด, และรูปแบบการฟื้นฟูระบบ
เคล็ดลับ:
ทุกครั้งที่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงระบบ ให้ลองวาดแผนภาพสถาปัตยกรรมแบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง แม้จะไม่มีใครขอ แต่ให้ฝึกนิสัย “มองเห็น” ภาพรวมทั้งหมด
การมีความตระหนักเรื่องสถาปัตยกรรม = ศักยภาพในการเป็นผู้นำ
7. จัดการวิกฤตอย่างใจเย็น
ในโลกความเป็นจริง เรื่องไม่คาดฝันย่อมเกิดขึ้น:
- Production Outages
- Major Bugs
- Database เสียหาย
- ลูกค้าโกรธเคือง
ในช่วงเวลานั้น Tech Lead จะไม่ตื่นตระหนก พวกเขาจะทำอย่างใจเย็น:
- ประเมินสถานการณ์
- สื่อสารอย่างชัดเจน
- รวมพลังทีม เพื่อแก้ไขปัญหา
- รับผิดชอบงาน ไม่โยนความผิดใส่กัน
เคล็ดลับ:
ครั้งหน้าที่เกิด Bug หรือระบบล่ม จงสมัครใจช่วยเหลือ ไม่ใช่แค่แก้ไขปัญหา แต่เพื่อเข้าใจว่าปัญหาเกิดขึ้นอย่างไร และจะป้องกันได้อย่างไรในครั้งหน้า
ความใจเย็น เมื่ออยู่ภายใต้ความกดดันเป็นทักษะที่หาได้ยาก และผู้นำจะถูกประเมินจากจุดนี้
8. สร้างความสัมพันธ์ ไม่ใช่แค่พัฒนา Feature
ความยอดเยี่ยมทางเทคนิคนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ความสัมพันธ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน
Tech Lead ที่ดี:
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ Developer, Tester, Manager และลูกค้า
- แสดงความเห็นอกเห็นใจ เมื่อคนอื่นกำลังเผชิญปัญหา
- ชื่นชมความสำเร็จต่อสาธารณะ และควรวิจารณ์อย่างเป็นส่วนตัว
- ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างทีมเทคนิคและทีมธุรกิจ
เคล็ดลับ:
จงเป็นคนที่เชื่อมโยงผู้อื่น ไม่ใช่คนที่แบ่งแยก โดยคนส่วนมากจะทำตาม Tech Lead ที่พวกเขาไว้ใจ ไม่ใช่แค่คนที่ฉลาดที่สุดในห้องเท่านั้น
9. พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ทันทีที่คุณหยุดเรียนรู้ คุณจะหยุดเติบโตทั้งในฐานะ Developer และผู้นำ
เรียนรู้ต่อเนื่องเกี่ยวกับ:
- Version ใหม่ของ Java (Java 21+ Features เช่น Virtual Threads, Pattern Matching)
- Framework ที่กำลังมาแรง (Spring Boot 3, Micronaut, Quarkus)
- หลักการ System Design
- แนวปฏิบัติ DevOps
- Soft Skills และเทคนิคการเป็นผู้นำ
เคล็ดลับ:
จงมองการเรียนรู้เป็นวิถีชีวิต ไม่ใช่แค่เหตุการณ์ชั่วคราว
Tech Lead ที่ดีไม่ใช่คนที่รู้ทุกอย่างแล้ว แต่เป็นคนที่พร้อมเรียนรู้อยู่เสมอ
สุดท้ายนี้ เรามาทบทวนขั้นตอนที่แท้จริงในการก้าวจาก Java Developer เป็น Tech Lead อย่างรวดเร็ว:
- เชี่ยวชาญเรื่องคุณภาพ Code และการคิดเชิงระบบ
- สื่อสารอย่างชัดเจนและสอนผู้อื่น
- ใส่ใจเรื่องกำหนดเวลา ระบบ และการส่งมอบงาน
- จัดการวิกฤตอย่างไม่ตื่นตระหนก
- สร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงในทีม
- เรียนรู้ เติบโต และคงความอยากรู้อยู่เสมอ
การเป็น Tech Lead ไม่ใช่แค่เรื่องตำแหน่งหรือจำนวนปีของประสบการณ์
แต่มันเกี่ยวกับวิธีการคิด วิธีช่วยเหลือผู้อื่น และการรับผิดชอบงาน
ถ้าคุณเริ่มฝึกฝนตามขั้นตอนเหล่านี้ตั้งแต่วันนี้ คุณจะเติบโตเร็วกว่าที่เคยจินตนาการไว้มาก
และทั้งหมดนี้ก็คือ เคล็ดลับสู่ Tech Lead ที่ Java Developer ต้องรู้
เมื่อ หางาน IT ให้ ISM Technology Recruitment เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เพื่อให้คุณได้ “ชีวิตการทำงานในแบบที่คุณต้องการ” เพียงส่ง Resume มาที่นี่
ISM เชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ ได้เปิดทำการมาแล้วกว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย