See the original English version of this article here

คนไอทีส่วนใหญ่คงจะเผชิญกับกิจวัตรที่วุ่นวาย ไร้สมาธิ และล้มเหลวมาหลายปี มาเริ่มทำกิจวัตรประจำวันใหม่กัน โดยไม่มีโทรศัพท์และการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ช่วยให้มีวินัย เริ่มต้นง่าย ๆ จากการทดลองเล็ก ๆ น้อย ๆ กับบทความ 30 วัน กับกฎ 1 ชั่วโมง ที่ช่วยเติมพลัง โดยคุณ Shubham Kumbhar Software Engineer
จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังของคุณ Shubham นั่นคือ การอุทิศเวลา 1 ชั่วโมงทุกเช้า เพื่อจดจ่อกับสิ่งที่ตั้งใจ เป็น 1 ชั่วโมงแห่งสมาธิในแต่ละเช้า ไม่ใช้โทรศัพท์ ไม่ทำหลายอย่างพร้อมกัน แค่ 1 ชั่วโมงแห่งความตั้งใจ ทุกวัน เป็นเวลา 30 วัน มาดูกันว่าเขาทำอย่างไร
กฎนั้นเรียบง่ายมาก: เป็นเจ้าของชั่วโมงแรก
ตั้งใจทำสิ่งนี้ในช่วงเริ่มต้นของแต่ละวัน ด้วยการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนต่อสิ่งรบกวน เช่น อีเมล ข่าวสาร และโซเชียลมีเดีย ผ่านสิ่งที่คุณ Shubham เรียกว่า “First Hour Protocol” การทำสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการให้เวลาชั่วโมงแรก หลังจากตื่นนอนให้กับกิจกรรมที่มีจุดมุ่งหมายและปราศจากเทคโนโลยี ไม่ว่าจะ อ่าน เขียน ยืดเส้นยืดสาย เดิน วางแผน แต่ต้องทำด้วยความตั้งใจและไม่ใช้เทคโนโลยี คุณจะเห็นผลลัพธ์ทันทีและเห็นได้ชัด โดยจะช่วยให้ความชัดเจนทางจิตใจที่เพิ่มขึ้น การควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้น และพลังงานที่ยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้น การเริ่มต้นวันใหม่จะช่วยกำหนดส่วนที่เหลือของวัน และการเป็นเจ้าของชั่วโมงแรก นั้นสามารถเปลี่ยนทัศนคติทั้งหมดของคุณได้อย่างเงียบ ๆ
ศัตรูที่แอบแฝง: การเสียสมาธิโดยไม่รู้ตัวจากเทคโนโลยี
พวกเราส่วนใหญ่มักจะตื่นมาด้วยปฏิกิริยาตอบสนอง เราแตะโทรศัพท์ก่อนเท้าจะเหยียบพื้น เราจะเข้าสู่วงจรของพฤติกรรมตอบสนอง ซึ่งการตัดสินใจในเสี้ยววินาทีนั้นกระตุ้นให้เกิดวงจรโดพามีนที่หลั่งไหลเข้ามา เช่น Instagram, Slack, WhatsApp หรือ อีเมล ซึ่งจะขโมยทิศทางของเราไปก่อนที่เราจะเริ่มต้นวันใหม่เสียอีก ซึ่งทำให้สมาธิของเราฟุ้งซ่านและทำให้เราขาดสมาธิ ซึ่งนักประสาทวิทยาเรียกสิ่งนี้ว่า “สิ่งตกค้างของความสนใจ” เมื่อคุณสลับไปมาระหว่างงานต่าง ๆ โดยไม่ได้สรุป ความสนใจบางส่วนของคุณจะยังคงติดอยู่กับงานก่อนหน้า ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
สัปดาห์ที่ 1: การดีท็อกซ์ทำให้เจ็บปวด
วันที่ 1 จะรู้สึกโหดร้ายมาก ต้องจ้องไปที่ผนัง ดื่มกาแฟ อยู่ไม่สุข อยู่ไม่นิ่งเหมือนเด็กที่ถูกกักบริเวณ
แต่ในวันที่ 3 มีบางอย่างเปลี่ยนไป ความคิดของคุณจะช้าลง เนื่องจากไม่ได้สลับไปมาระหว่าง App หรือ Tab ต่าง ๆ ให้ลองเริ่มอ่านหนังสือจริง ๆ ไม่ใช่บทสรุปหรือพาดหัวข่าว
วันที่ 7 ลองเขียนร่าง Project ที่อยากทำหรือยังทำไม่เสร็จดู
แต่เมื่อผ่านไป 1 สัปดาห์ คุณจะเห็นการเปลี่ยนแปลง ความชัดเจนทางจิตใจกลับคืนมา มีสมาธิจดจ่อมากขึ้น และการคิดสร้างสรรค์ก็กลับมาเป็นธรรมชาติ เพียงแค่สร้างพื้นที่ (ช่วงเวลาที่ไม่เร่งรีบ) โดยไม่บังคับให้เกิดประสิทธิผล จิตใจก็จะเริ่มจดจ่อกับงานที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
สัปดาห์ที่ 2 : วินัยเริ่มก่อขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง
ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นิสัยใหม่เริ่มเปลี่ยนจากสิ่งที่ต้องใช้ความพยายามมาเป็นกิจวัตรอัตโนมัติ สิ่งที่เคยเป็นความท้าทายในสัปดาห์แรก กลายมาเป็นกิจวัตรประจำวัน เช่น การเริ่มต้นวันโดยไม่แตะโทรศัพท์ และแบ่งเวลาอย่างมีจุดประสงค์เพื่ออ่านหนังสือ วางแผน และสร้างสรรค์ แม้ในช่วงแรกจะรู้สึกเหมือนทำไปตามกลไก แต่แนวทางที่มีวินัยนี้กลับให้ผลลัพธ์ที่แท้จริง จะทำให้จิตใจแจ่มใสขึ้น งานแต่ละวันราบรื่นขึ้น และที่น่าประหลาดใจที่สุดคือ ไม่ต้องพึ่งคาเฟอีนช่วงบ่ายอีกต่อไป
*ลองจัดสรรเวลา 1 ชั่วโมง แบ่งเป็นการอ่านหนังสือ 20 นาที การวางแผน 20 นาที ความสร้างสรรค์ 20 นาที
นักวิทยาศาสตร์คิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
ประโยชน์ของการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยสมาธิและปราศจากสิ่งรบกวน ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าหรือประสบการณ์ส่วนตัวจากคุณ Shubham เท่านั้น แต่ยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ งานวิจัยด้านจิตวิทยาการรับรู้พบว่า ความจำในการทำงานและสมาธิของสมองจะอยู่ในจุดสูงสุดในช่วงเช้า หากไม่ถูกรบกวนจากสิ่งกระตุ้นดิจิทัล เช่น มือถือหรือโซเชียลมีเดีย
มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทกซัสระบุว่า การเริ่มต้นวันด้วยกิจกรรมที่ใช้สมาธิอย่างตั้งใจสามารถเพิ่มความสามารถในการจดจำและประมวลผลข้อมูลได้ถึง 40% ตลอดทั้งวัน แนวคิดหลักคือ ความชัดเจนทางจิตใจสามารถทบต้นทบดอกได้เหมือนดอกเบี้ย ทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น เหนื่อยน้อยลง และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สัปดาห์ที่ 3: ความคิดสร้างสรรค์กลับมาอีกครั้ง
เมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ของการฝึกฝน ความคิดสร้างสรรค์ก็กลับคืนมาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องบังคับหรือเครียด หลังจากที่เคยเผชิญกับอาการตันในการคิดเรื่องต่าง ๆ ไอเดียก็จะไหลลื่นออกมาอย่างง่ายดาย เพราะสมองได้ผ่อนคลายลง พอที่จะคิดอย่างชัดเจนและลึกซึ้ง กิจวัตรนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการผลักดันตัวเองให้ทำมากขึ้น แต่เป็นการสร้างพื้นที่สำหรับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ พอถึงวันที่ 21 นิสัยนี้กลายเป็นเรื่องอัตโนมัติ เหมือนกับการแปรงฟัน ที่จะรู้สึกแปลก ๆ ถ้าต้องข้ามไป
สัปดาห์ที่ 4: ผลลัพธ์ที่ไม่มีใครพูดถึง
ประโยชน์ที่น่าประหลาดใจและมักถูกมองข้าม จากการเริ่มต้นวันอย่างมีวินัยและจดจ่อ ไม่ใช่แค่เรื่องของประสิทธิภาพที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสงบภายใน ด้วยการใช้เวลาแต่ละวันในการอ่าน เขียน และวางแผนอย่างไร้แรงกดดัน คุณจะได้ค้นพบสิ่งที่หาได้ยากมากในปัจจุบัน นั่นคือ ความสงบของจิตใจ (ฟังดูเหมือนเข้าเรื่องธรรมะ แต่มันช่วยคุณได้จริง ๆ) ชั่วโมงนี้จึงไม่ใช่แค่เครื่องมือในการทำงานให้เสร็จ แต่กลายเป็นพื้นที่แห่งความนิ่งเงียบ หลายคนมักเข้าใจผิดว่าความสงบคือ ความน่าเบื่อหรือความขี้เกียจ แต่ความสงบที่แท้จริงนั้นทรงพลัง มันช่วยเพิ่มความชัดเจน ควบคุมอารมณ์ และเปิดทางให้ตัดสินใจได้อย่างมีสติยิ่งขึ้น
ผลกระทบที่ไม่คาดคิด
การทดลอง 30 วันนี้ไม่ได้แค่ทำให้ช่วงเช้าของคุณดีขึ้น
- คุณจะเริ่มนอนหลับได้ดีขึ้น
- คุณจะหมดความสนใจในการไถหน้าจอ แบบไร้จุดหมาย
- คุณจะสามารถลดการดื่มกาแฟลงได้ 40% (ถ้าคุณติดคาเฟอีน)
- เวลาหน้าจอในแต่ละสัปดาห์ลดลงถึง 18 ชั่วโมง
- คุณจะสามารถทำ Project ส่วนตัวที่ค้างไว้มาหลายเดือนเสร็จได้
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องของวินัย แต่มาจาก “การตัดออก” แค่เอาความวุ่นวายออกไป แล้วสมองก็ตอบสนองกลับมาเอง
กรอบแนวทางง่าย ๆ ที่คุณสามารถลองทำได้
หากคุณอยากลองทำตามโดยไม่ซับซ้อน เริ่มจากสิ่งเหล่านี้:
- เลือกชั่วโมงของคุณ: ควรเป็นเวลาหลังตื่นนอนทันที
- ตั้งขอบเขตให้ชัดเจน: ปิดโทรศัพท์ งดใช้อินเทอร์เน็ต ไม่มีข้อยกเว้น
- แบ่งเวลาออกเป็น 3 ช่วง: อ่านหนังสือ, ทบทวนตัวเอง, สร้างสรรค์ (อย่างละ 20 นาที)
- ติดตาม 3 สิ่ง: สมาธิ, พลังงาน, ความสงบ (ให้คะแนนทุกวัน)
- ทำต่อเนื่อง 30 วัน: ห้ามเว้น ห้ามมีข้ออ้าง
ตอนแรกอาจรู้สึกไม่สบายตัว แต่หลังจากนั้น…มันจะกลายเป็นสิ่งที่คุณหลงรักเลยแหละ
ไม่มีข้อแก้ตัว มีแค่การลองลงมือทำ
การเปลี่ยนแปลงตนเองที่เรียบง่าย คุณไม่จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือราคาแพง หรือระบบซับซ้อนใด ๆ เป็นตัวช่วย คุณแค่ต้องมีเวลา 1 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อใช้มันอย่างมีเป้าหมาย แม้จะไม่หวือหวา หรือกลายเป็นกระแส แต่สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน การคิด และความรู้สึกของคุณได้อย่างมาก แทนที่จะพยายามทำอะไรให้มากขึ้นในช่วงที่คุณเหนื่อยล้าหรือรู้สึกตามไม่ทัน สิ่งสำคัญคือการลบสิ่งรบกวนออก และทวงคืนพื้นที่ให้ตัวคุณเอง
และทั้งหมดนี้ก็คือ 30 วัน กับกฎ 1 ชั่วโมง ที่ช่วยเติมพลัง
เมื่อ หางาน IT ให้ ISM Technology Recruitment เป็นอีกหนึ่งตัวช่วย เพื่อให้คุณได้ “ชีวิตการทำงานในแบบที่คุณต้องการ” เพียงส่ง Resume มาที่นี่
ISM เชี่ยวชาญในธุรกิจ IT Recruitment & IT Outsourcing โดยเฉพาะ ได้เปิดทำการมาแล้วกว่า 30 ปี มีพนักงานทุกสายและทุกระดับทางด้าน IT ที่ได้ร่วมงานกับลูกค้าองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียงและบริษัทข้ามชาติมากมาย
Source: https://medium.com/